เรากำลังเพิ่มการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศเป็นสองเท่า และตั้งเป้าลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อรถยนต์หนึ่งคันลง 75 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ.2573

ใกล้ถึงเวลาการประชุมสุดยอดด้านภูมิอากาศ COP28 ที่ดูไบแล้ว และเนื่องจากธุรกิจจำเป็นต้องดำเนินการมากขึ้นเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในขณะนี้เราจึงทำให้เป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มีความเฉียบคมยิ่งขึ้น รวมถึงสร้างแผนเพื่อการใช้เหล็กและอะลูมิเนียมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกือบเป็นศูนย์

มุมมองจากมุมสูงของรถ Volvo ที่มาจากการสร้างภาพกราฟิก

ในขณะนี้ เรากำลังเพิ่มการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนที่มีความทะเยอทะยานที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์

ในขณะที่ผู้นำโลกเตรียมพร้อมสำหรับการประชุมสุดยอดสภาพภูมิอากาศ COP28 ในดูไบ เราเชื่อว่านี่เป็นโอกาสที่จะก้าวไปให้ไกลกว่าที่เคยในแง่ของการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ แทนที่จะอยู่เฉยๆ โลกจะต้องแสดงความก้าวหน้าตามพันธสัญญาที่มีอยู่และยกระดับมาตรฐานในการทำสิ่งต่างๆ ให้มากขึ้น

นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้ในขณะนี้เรากำลังเพิ่มการดำเนินงานด้านสภาพภูมิอากาศขึ้นเป็นสองเท่า ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนที่มีความทะเยอทะยานที่สุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ โดยในวันนี้ เราได้ประกาศเป้าหมายของเราซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความทะเยอทะยานของเราที่จะเป็นกลางทางสภาพภูมิอากาศภายในปี พ.ศ.2583 ด้วยการการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อรถยนต์หนึ่งคันลงให้ได้ 75 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ.2573 เมื่อเทียบกับข้อมูลพื้นฐานในปี พ.ศ.2561


การดำเนินการนี้จะช่วยเสริมเป้าหมายที่เราได้ประกาศไว้ก่อนหน้านี้ในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อรถยนต์หนึ่งคันลง 40 เปอร์เซ็นต์ในช่วงปี พ.ศ.2561 ถึง พ.ศ.2568 โดยในช่วงเก้าเดือนแรกของปีนี้ การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์โดยรวมต่อรถยนต์หนึ่งคันได้ลดลง 19 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานของเราในปี พ.ศ.2561

“COP28 เป็นช่วงเวลาแห่งความรับผิดชอบครั้งประวัติศาสตร์สำหรับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ” Javier Varela ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและรองซีอีโอของ Volvo Cars กล่าว “โลกจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันและดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เรามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ในส่วนของเรา และขอเรียกร้องให้ผู้นำองค์กรและผู้นำทางการเมืองทั่วโลกทำในส่วนของพวกเขา”

ความทะเยอทะยานในการบรรลุเป้าหมายเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 75 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ.2573 เรียกร้องให้เราต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่องสู่ความทะเยอทะยานที่มีอยู่แล้วของเรา ที่จะจำหน่ายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบให้ได้ภายในปี พ.ศ.2573 และกำจัดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกออกจากกลุ่มผลิตภัณฑ์รุ่นต่างๆ ของเรา


เมื่อกลางปีที่ผ่านมา เราได้เผยโฉม EX30 รถ SUV ขนาดเล็กที่ใช้ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ซึ่งได้รับการออกแบบให้มีรอยเท้าคาร์บอนต่ำที่สุดในบรรดารถยนต์ Volvo ทุกรุ่นในปัจจุบัน โดย EX30 เป็นหนึ่งในรถยนต์ Volvo ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบรุ่นใหม่หลายรุ่นที่เราได้เปิดตัวและจะเปิดตัวในปีต่อๆ ไป เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ผลิตรถยนต์ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบภายในปี พ.ศ.2573 และเราก็กำลังก้าวหน้าไปด้วยดี โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี พ.ศ.2566 รถยนต์ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบคิดเป็น 16 เปอร์เซ็นต์ของยอดขายโดยรวมของเรา


นอกจากนี้เรายังได้ประกาศว่าจะผลิตรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเป็นครั้งสุดท้ายในต้นปี พ.ศ.2567 รวมทั้งได้หยุดการลงทุนใหม่ในด้านการวิจัยและพัฒนาในเครื่องยนต์สันดาปภายใน โดยแทนที่จะมุ่งเน้นไปยังเทคโนโลยีในอดีต เราได้มองข้ามไปยังอนาคต


ในเวลาเดียวกัน เราก็จำเป็นต้องจัดการกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานและการดำเนินงานของเรา (รวมถึงการขนส่ง) โดยตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์สำหรับแต่ละรายการภายในปี พ.ศ.2573 เมื่อเทียบกับระดับพื้นฐานในปี พ.ศ.2561


ในขณะนี้เราได้ทำสิ่งต่างๆ ไปแล้วมากมาย โดยการดำเนินงานของเราในปี พ.ศ.2565 ขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่เป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศสูงถึง 69 เปอร์เซ็นต์ และนับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เราก็ได้ประสบความสำเร็จในการใช้พลังงานไฟฟ้าที่เป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศ 100 เปอร์เซ็นต์สำหรับโรงงานทุกแห่งทั่วโลก ซึ่งแต่ละแห่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการดำเนินงานของเรา

ในฤดูร้อนปีนี้ เราได้กลายเป็นผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกรายแรกที่ประกาศเปลี่ยนจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพสำหรับการขนส่งทางทะเลระหว่างทวีปของเราเป็นจำนวน 86 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากการขนส่งทางทะเลของเราลงได้ 84 เปอร์เซ็นต์ และสนับสนุนความทะเยอทะยานของเราในการลดการปล่อยก๊าซจากการดำเนินงานลงให้ได้ 30 เปอร์เซ็นต์ภายในปี พ.ศ.2573


หนทางยังอยูอีกยาวไกล

การประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งสหประชาชาติครั้งที่ 28 (COP28) เกิดขึ้นจากรายงาน Global Climate Stocktake Report ขององค์การสหประชาชาติ ซึ่งเผยแพร่เมื่อเดือนกันยายน โดยรายงานได้ระบุถึงขอบเขตที่โลกกำลังดำเนินการเพื่อทำให้ภาวะโลกร้อนให้จำกัดอยู่ที่ 1.5 องศา เมื่อเทียบกับระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ซึ่งเป็นขีดจำกัดที่มีการตกลงกันไว้ในข้อตกลงปารีสเมื่อปี พ.ศ.2558


ข้อสรุปอันน่าหนักใจของรายงานนี้ก็คือ โลกยังอยู่ห่างไกลจากเส้นทางนั้น ตัวอย่างเช่น ยังมีการใช้เงินจำนวน 450 พันล้านดอลลาร์ทุกปีไปกับการอุดหนุนเชื้อเพลิงฟอสซิล แทนที่จะเป็นพลังงานหมุนเวียน และก็ยังมีการคาดการณ์ว่าโลกยังคงจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 22 พันล้านตัน ซึ่งมากกว่าระดับที่กำหนดไว้เพื่อทำให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้สำหรับปี พ.ศ.2573 กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ รายงานเน้นย้ำถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศให้มากขึ้น


ในขณะเดียวกัน รายงานการตรวจสอบสินค้าคงคลังยังระบุด้วยว่า สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์นั้น “การเลิกใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในและการใช้ยานพาหนะไฟฟ้า เป็นวิธีการที่มีศักยภาพที่สุดในการบรรเทาผลกระทบต่อภาคส่วนนี้” ซึ่งนี่เป็นการเน้นย้ำว่าการใช้พลังงานไฟฟ้ามีความสำคัญต่อการรับรองว่า อุตสาหกรรมการขนส่งในวงกว้างจะช่วยให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ยั่งยืนมากขึ้นบนโลกได้สำเร็จ ซึ่งข้อสรุปดังกล่าวสอดคล้องอย่างยิ่งกับแผนงานด้านการใช้พลังงานไฟฟ้าของเราเอง


“COP28 เป็นช่วงเวลาแห่งความรับผิดชอบครั้งประวัติศาสตร์สำหรับการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ” Javier Varela ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและรองซีอีโอของ Volvo Cars กล่าว “โลกจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกันและดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบที่เลวร้ายที่สุดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เรามุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ในส่วนของเรา และขอเรียกร้องให้ผู้นำองค์กรและผู้นำทางการเมืองทั่วโลกทำในส่วนของพวกเขา”การทำงานร่วมกันคือหัวใจสำคัญ

แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศได้เพียงลำพัง เราตระหนักดีว่าเราต้องร่วมมือกับผู้อื่นในการดำเนินการ เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะก้าวไปได้ไกลกว่าการใช้พลังงานไฟฟ้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วทั้งการดำเนินงานและห่วงโซ่อุปทานของเรา แต่เราต้องทำงานร่วมกับพันธมิตรที่มีแนวคิดเหมือนกัน เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมที่ยังคงต้องอาศัยกระบวนการที่ทำให้เกิดคาร์บอนจำนวนมาก ในภาคส่วนที่เรียกว่า “ลดได้ยาก”

เรายินดีที่จะประกาศว่า ในขณะนี้ Volvo Cars ได้เป็นสมาชิกของกลุ่ม First Movers Coalition (FMC) ของ World Economic Forum โดยการเข้าร่วมกับกลุ่มแนวร่วมของบริษัทที่ใหญ่ที่สุดในโลกบางแห่งนี้ เรากำลังใช้กำลังซื้อของเราไปกับการอุดหนุนเทคโนโลยีสะอาดที่เกิดขึ้นใหม่ในภาคส่วนการผลิตอะลูมิเนียม ซึ่งส่งสัญญาณอย่างชัดเจนถึงความต้องการของเราต่ออะลูมิเนียมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกือบเป็นศูนย์ ซึ่งเราหวังว่าการดำเนินการดังกล่าวจะมีบทบาทในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยตรงจากการผลิตอะลูมิเนียมขั้นปฐมภูมิ เพื่อให้เกิดการผลิตอะลูมิเนียมีที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2593


นอกจากนี้ เรายังดำเนินการในด้านอุตสาหกรรมเหล็ก โดยผ่านความร่วมมือกับ SSAB ผู้ผลิตเหล็กในสวีเดน โดยเราเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกที่ร่วมมือกับ SSAB เพื่อศึกษาด้านการผลิตเหล็กกล้าคุณภาพสูงที่ปล่อยก๊าซเกือบเป็นศูนย์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ และในขณะนี้ เราก็สามารถรับประกันได้แล้วในการเข้าถึงเหล็กแผ่นปฐมภูมิและเหล็กแผ่นรีไซเคิลที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเกือบเป็นศูนย์จาก SSAB ที่เราวางแผนจะใช้ในโครงการรถยนต์ที่กำลังจะมาถึงภายในปี พ.ศ.2569


“ก่อนหน้านี้ เราได้ใช้การประชุมสุดยอด COP เพื่อผลักดันการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศโดยรวม และ COP28 ก็ไม่แตกต่างกัน” Jonas Otterheim หัวหน้าฝ่ายดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศของ Volvo Cars กล่าว “สิ่งที่เราและบริษัทอื่นๆ ที่มีแนวคิดเดียวกันกำลังพยายามทำก็คือ การพัฒนาและขยายขนาดเทคโนโลยีการเปลี่ยนแปลงเพื่อลดการปล่อยคาร์บอนจากกระบวนการทางอุตสาหกรรมแบบโบราณ จากการเข้าร่วม FMC และแสดงความก้าวหน้าที่จับต้องได้ในการเป็นหุ้นส่วนของเรากับ SSAB เราหวังว่าจะแสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญนี้ไม่เพียงเป็นไปได้ แต่กำลังดำเนินการอยู่”


รอยเท้าที่เล็กลง

แบ่งปัน