เรากำลังปรับปรุงกลยุทธ์ความยั่งยืนของเรา

ในการเผชิญหน้ากับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องแน่ใจว่ากลยุทธ์ของเรานั้นยังคงเฉียบคมและทันสมัยอยู่เสมอ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ในตอนนี้เรากำลังปรับปรุงกลยุทธ์ความยั่งยืน โดยตั้งเป้าหมายใหม่อันทะเยอทะยานสำหรับปี พ.ศ.2573 และ พ.ศ.2583 ในขณะที่ส่งเสริมการมุ่งเน้นที่ความหลากหลายทางชีวภาพไปด้วย

มุมมองจากมุมสูงของรถวอลโว่สีเขียวที่ขับเลียบชายฝั่ง

เรากำลังปรับปรุงกลยุทธ์ความยั่งยืนของเรา

“การดำเนินการเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่ต่อรองไม่ได้ และระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางการบุกเบิกของเรา” Jim Rowan ซีอีโอของ Volvo Cars กล่าว “ในขณะที่เราเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่าของเราอย่างต่อเนื่อง เราก็มีความรับผิดชอบที่จะต้องทำให้มากกว่านั้น และจัดการกับรอยเท้าความหลากหลายทางชีวภาพของเรา รวมถึงการช่วยทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น โดยกลยุทธ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของเราออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราทำสิ่งเหล่านั้นได้”


ต่อไปนี้คือเป้าหมายใหม่ในด้านความยั่งยืนของเราสำหรับปี พ.ศ.2573 โดยย่อ

  1. ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อรถยนต์หนึ่งคันลง 75 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อเทียบกับระดับปี พ.ศ.2561)
  2. ลดการใช้พลังงานในการดำเนินงานของเราต่อรถยนต์หนึ่งคันลงโดยเฉลี่ย 40 เปอร์เซ็นต์ (เมื่อเทียบกับระดับปี พ.ศ.2561)
  3. ใช้ส่วนประกอบที่เป็นวัสดุรีไซเคิลให้ได้โดยเฉลี่ย 30 เปอร์เซ็นต์ทั่วทั้งกลุ่มยานยนต์ของเรา โดยรถยนต์รุ่นใหม่ต้องมีส่วนประกอบที่เป็นวัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 35 เปอร์เซ็นต์
  4. ลดการใช้น้ำในการดำเนินงานของตนเองโดยเฉลี่ย 50 เปอร์เซ็นต์ต่อรถยนต์หนึ่งคัน (เมื่อเทียบกับระดับปี พ.ศ.2561)
  5. ของเสียทั้งหมดจากการดำเนินงานของเราอย่างน้อย 99 เปอร์เซ็นต์ จะต้องสามารถนำกลับมาใช้ใหม่หรือรีไซเคิลได้


นับตั้งแต่เราเปิดตัวกลยุทธ์ความยั่งยืนของเราไปในปี พ.ศ.2562 เราได้มีความก้าวหน้าครั้งสำคัญบางประการในการบรรลุเป้าหมายการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศ ตัวอย่างเช่น 69 เปอร์เซ็นต์ของการดำเนินงานของเราในตอนนี้ขับเคลื่อนด้วยพลังงานที่เป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศ เมื่อเทียบกับ 55 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ.2562 และในตอนนี้เราใช้ไฟฟ้าที่เป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศ 100 เปอร์เซ็นต์ในโรงงานผลิตของเราทั่วโลก เมื่อเทียบกับ 80 เปอร์เซ็นต์ในปี พ.ศ.2562 นอกจากนี้เรายังลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อรถยนต์หนึ่งคันลง 19 เปอร์เซ็นต์นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2561

“การดำเนินการเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นเรื่องที่ต่อรองไม่ได้ และระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบถือเป็นก้าวสำคัญบนเส้นทางการบุกเบิกของเรา” Jim Rowan ซีอีโอของ Volvo Cars กล่าว “ในขณะที่เราเดินหน้าลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกตลอดห่วงโซ่คุณค่าของเราอย่างต่อเนื่อง เราก็มีความรับผิดชอบที่จะต้องทำให้มากกว่านั้น และจัดการกับรอยเท้าความหลากหลายทางชีวภาพของเรา รวมถึงการช่วยทำให้ชีวิตของผู้คนดีขึ้น โดยกลยุทธ์ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ของเราออกแบบมาเพื่อช่วยให้เราทำสิ่งเหล่านั้นได้”

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2583

เป้าหมายของเราในตอนนี้คือบรรลุการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี พ.ศ.2583 ซึ่งขยายขึ้นมาจากความทะเยอทะยานก่อนหน้านี้ของเราในการเป็นกลางต่อสภาพภูมิอากาศภายในปี พ.ศ.2583 และสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับความตั้งใจของเราที่จะใช้การกำจัดคาร์บอนเพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซที่หลีกเลี่ยงไม่ได้เท่านั้น โดยความสำคัญในลำดับแรกของเรายังคงอยู่ที่การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่แท้จริง ก่อนจะหันมาใช้การกำจัดคาร์บอน และเราก็สนับสนุนให้ซัพพลายเออร์ของเราทำเช่นเดียวกัน


ด้วยการตระหนักดีถึงความจริงที่ว่าการเงินมีบทบาทสำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน เราจึงตั้งใจที่จะให้มีสัดส่วนของเงินกู้จากตราสารหนี้เพื่อสิ่งแวดล้อมให้ได้ 100 เปอร์เซ็นต์ หรือจัดหาเงินทุนที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืนให้ได้ภายในปี พ.ศ.2568


ปี พ.ศ.2568 จึงถือเป็นหลักชัยอันสำคัญยิ่งสำหรับเรา โดยเมื่อถึงตอนนั้น เราวางแผนที่จะใช้ระบบไฟฟ้าเต็มรูปแบบ ในขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อรถยนต์หนึ่งคันให้ได้โดยเฉลี่ย 75 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับปี พ.ศ.2561 เราเชื่อว่าการผสมผสานระหว่างการขายเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบร่วมกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากทั่วทั้งห่วงโซ่อุปทานและการดำเนินงานลงให้ได้โดยเฉลี่ย 30 เปอร์เซ็นต์ต่อรถยนต์หนึ่งคัน เราจะสามารถบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของเราได้


มุ่งสู่การเป็นธุรกิจหมุนเวียนภายในปี พ.ศ.2583

นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2562 เป็นต้นมา เรายังมุ่งเน้นไปสู่การใช้เศรษฐกิจหมุนเวียนอีกด้วย ซึ่ง Volvo Cars มีสัดส่วนของการใช้วัสดุรีไซเคิลมากกว่าที่เคยอยู่แล้ว ตัวอย่างเช่น อะลูมิเนียมเกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ใน EX30 รถ SUV ขนาดเล็ก รุ่นใหม่ของเรามาจากการรีไซเคิล ในขณะที่เหล็กและพลาสติกประมาณ 17 เปอร์เซ็นต์ในรถก็มาจากการรีไซเคิล


ภายในปี พ.ศ.2573 เราตั้งเป้าที่จะใช้วัสดุรีไซเคิลให้ได้โดยเฉลี่ย 30 เปอร์เซ็นต์ทั่วทั้งกลุ่มรถยนต์ทั้งหมด 1 และสำหรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี พ.ศ.2573 จะต้องใช้วัสดุรีไซเคิลอย่างน้อย 35 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ภายในปี พ.ศ.2573 เราต้องการให้ 99 เปอร์เซ็นต์ของขยะทั้งหมดของเราถูกนำมาใช้ซ้ำหรือรีไซเคิล เมื่อเทียบกับการรีไซเคิล 94 เปอร์เซ็นต์ของขยะจากการผลิตทั่วโลกในปี พ.ศ.2565


มุ่งมั่นสู่การสร้างความดีมากกว่าความเสียหาย และมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพในอนาคต

เราเชื่อในการใช้แนวทางห่วงโซ่คุณค่าที่สมบูรณ์แบบเพื่อจัดการกับผลกระทบของเราที่มีต่อความหลากหลายทางชีวภาพ โดยในการค้นหาว่าการดำเนินการของเราส่งผลต่อความหลากหลายทางชีวภาพอย่างไร เราได้ดำเนินการประเมินผลกระทบโดยใช้ข้อมูลการผลิตและการขายตั้งแต่ปี พ.ศ.2564 เพื่อประเมินรอยเท้าความหลากหลายทางชีวภาพประจำปีของเราโดยใช้แบบจำลอง ReCiPe จากพื้นฐานของการค้นพบเหล่านี้ ในขณะนี้เรากำลังตั้งเป้าหมายความทะเยอทะยานในระยะยาวเพื่อที่จะสร้างความดีมากกว่าความเสียหาย (Net Positive) ตลอดห่วงโซ่คุณค่าของเรา2 และเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ (Nature Positive) ในอนาคต3


โดยสรุปแล้ว นี่หมายความว่าเราจะดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงและลดผลกระทบของเรา ตลอดจนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และการฟื้นฟูธรรมชาติจนถึงระดับที่จะสร้างความสมดุลในเชิงบวกให้กับผลกระทบในเชิงลบของเรา


สิ่งนี้ต้องอาศัยการผสมผสานระหว่างมาตรการระยะสั้นและระยะยาวที่เรากำลังพัฒนาอยู่ ตัวอย่างเช่น การหลีกเลี่ยงและลดผลกระทบจากห่วงโซ่คุณค่าของเรา การออกแบบโปรแกรมสำหรับกิจกรรมการฟื้นฟูและการอนุรักษ์ภายในระบบนิเวศที่เราดำเนินการหรือเป็นแหล่งวัตถุดิบของเรา และทำงานร่วมกับพันธมิตรในห่วงโซ่อุปทานเพื่อสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาความหลากหลายทางชีวภาพ


ช่วยปกป้องชีวิตของผู้คนทั้งภายในและภายนอกห่วงโซ่คุณค่าของเรา

ในฐานะบริษัทที่ใส่ใจผู้คน เราต้องการสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อสังคม ซึ่งวิธีหนึ่งที่เราพยายามช่วยปกป้องผู้คนก็คือการมุ่งเน้นไปที่อัตราการบาดเจ็บ (LTCR)4 โดยอัตราการบาดเจ็บในปัจจุบันซึ่งอยู่ที่ 0.07 ถือเป็นระดับชั้นนำของอุตสาหกรรมอยู่แล้ว แต่เป้าหมายของเราก็คือการลดอัตราการบาดเจ็บในที่ทำงานให้เหลือ 0.02 ภายในปี พ.ศ.2573 เรายังทำงานอย่างหนักทั่วทั้งห่วงโซ่คุณค่าของเรา เพื่อช่วยปกป้องสิทธิมนุษยชนผ่านกระบวนการตรวจสอบสถานะตามระดับความเสี่ยง5 เพื่อติดตาม ระบุ ประเมิน และจัดการกับความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน


เราร่วมมือกับพันธมิตรที่มีแนวคิดแบบเดียวกันในการเปิดตัวโครงการริเริ่มทางสังคมและสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ ในปีถัดๆ ไป โดยมีเป้าหมายเพื่อช่วยปกป้องผู้คนและโลก ตัวอย่างล่าสุดได้แก่ การสนับสนุนทางการเงินและการบริจาคในรูปแบบอื่นที่ไม่ใช่เงินให้แก่ Save the Children และการตอบสนองต่อกรณียูเครนของ UNICEF และความร่วมมือของเรากับ Girls Who Code




1 หมายถึงรถทุกรุ่นที่ผลิตอยู่ในขณะนั้น


2 หมายความว่าเราจะดำเนินการเพื่อหลีกเลี่ยงและลดผลกระทบของเรา ตลอดจนมีส่วนร่วมในการอนุรักษ์และฟื้นฟูธรรมชาติจนถึงระดับที่จะสร้างความสมดุลในเชิงบวกให้กับผลกระทบในเชิงลบของเรา


3 เป้าหมายของเราในฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพหมายความว่า เราจะไม่เพียงแต่ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างความดีมากกว่าความเสียหายเท่านั้น หากยังตั้งเป้าหมายที่จะลดผลกระทบด้านลบของเราอย่างต่อเนื่องโดยนับจากข้อมูลพื้นฐานในปี พ.ศ.2564


4 อัตราการบาดเจ็บ (LTCR) หมายถึง จำนวนอุบัติเหตุในการทำงานและการประกอบอาชีพที่มีการรายงานโดยมีวันลาป่วยอย่างน้อยหนึ่งวัน หารด้วยชั่วโมงทำงานแล้วคูณด้วย 200,000


5 กระบวนการตรวจสอบสถานะตามระดับความเสี่ยงมีการนำไปใช้ทั่วโลกเพื่อประเมินผลกระทบด้านลบที่อาจเกิดขึ้นหรือที่เกิดขึ้นจริง และจัดลำดับความสำคัญของการดำเนินการเพื่อยุติ ป้องกัน บรรเทา และเยียวยาการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่มีการระบุไว้ กระบวนการดังกล่าวควรเป็นไปตามระเบียบของ EU Corporate Sustainability Due Diligence Directive (CSDDD) ที่กำลังจะมีขึ้น และโครงการปฏิบัติตามสิทธิมนุษยชนของเรา ซึ่งรวมถึงระบบการจัดหาวัตถุดิบอย่างมีความรับผิดชอบ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อแนะนำกระบวนการที่เป็นทางการและสม่ำเสมอในการจัดการเชิงรุกด้านสิทธิมนุษยชนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมในห่วงโซ่อุปทานของ Volvo Cars สำหรับวัตถุดิบที่น่ากังวล (RMOC) ทั้งหมดของเราที่มีการระบุไว้

แบ่งปัน